Blogroll

วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Asean + 3 : Parts 4 ; อาเซียนขึ้นแท่นคู่ค้าอันดับหนึ่งของมณฑลฝูเจี้ยน ในไตรมาสที่ 1/ 56

อาเซียนขึ้นแท่นคู่ค้าอันดับหนึ่งของมณฑลฝูเจี้ยน 

ในไตรมาสที่ 1/ 56


6 พ.ค. 56 (www.chinanews.com) – รายงานข่าวอ้างอิงข้อมูลจากศุลกากร นครฝูโจว ระบุว่ามูลค่าการค้าระหว่างประเทศของมณฑลฝูเจี้ยนในไตรมาสแรกปีนี้มีมูลค่ารวม 248,320 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 18.8 ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นการส่งออก 152,350 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.2 และการนำเข้า 95,970 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.2 โดยอาเซียนสามารถเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของฝูเจี้ยนแทนที่สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป

ในไตรมาสแรกของปี 2556 การค้าระหว่างประเทศของมณฑลฝูเจี้ยนและอาเซียนมีมูลค่า 5,610 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.3 การค้ากับสหรัฐฯ 5,480 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 การค้ากับสหภาพยุโรป 5,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 การค้ากับไต้หวัน 3,290 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.6 การค้ากับเขตบริหารพิเศษฮ่องกง 2,610 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัว


จากข้อมูลตัวเลขการค้าของศุลกากร เมื่อจัดเป็นประเภทสินค้าพบว่าสินค้าที่มณฑลฝูเจี้ยนส่งออกไปยังต่างประเทศที่สำคัญ ประกอบด้วย สินค้าเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์เทคโนโลยีระดับสูง สินค้าเกษตร และรองเท้า โดยที่เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มมีการเจริญเติบโตสูงที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง ร้อยละ 41.5 สำหรับสินค้านำเข้าของฝูเจี้ยนที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น คือ สินค้าอุตสาหกรรมจำพวกเครื่องจักรกลและไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 22.5 และถั่วเหลืองที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 28.1
การค้าระหว่างประเทศระหว่างมณฑลต่าง ๆ ของจีนกับอาเซียนได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่มีการลงนามความร่วมมือการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ASEAN-China Free Trade Agreement) ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2547 ณ กรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว โดยปัจจุบันมีการเปิดเสรีการค้าสินค้าภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน เริ่มต้นด้วยการลดภาษีผักผลไม้ระหว่างกันตั้งแต่ตุลาคม 2546 และทยอยเปิดเสรีสินค้าอื่น ๆ เพิ่มเติมตามลำดับ โดยนับตั้งแต่ปี 2553 อาเซียนกับจีนได้ยกเลิกภาษีระหว่างกันกว่าร้อยละ 90 ของประเภทรายการสินค้าทั้งหมด

Resource from :



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น